โหมดควบคุมการขับขี่ของรถยนต์ฟอร์ดมีอะไรบ้าง

dbf9e3aa-70fc-49f4-be05-ebdf412f156c.png

Ford Everest

โหมดควบคุมการขับขี่ (Selectable Drive Modes) ของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับการออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบออฟโร้ด ทั้งตัวจริงและมือใหม่ เพียงหมุนแป้นควบคุมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง สัญลักษณ์ของโหมดการขับขี่ที่คุณเลือกจะปรากฏอยู่บนแผงหน้าปัดแสดงข้อมูลแบบดิจิทัล เช่น หากเลือกโหมดลากจูงและบรรทุก (Tow/Haul) แผงหน้าปัดจะแสดงภาพแอนิเมชั่นของยานพาหนะที่กำลังลากจูงสิ่งพ่วงท้าย

โหมดควบคุมการขับขี่ทั้งหมด

  • โหมดปกติ (Normal) : เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน และสภาพถนนทุกรูปแบบ  
  • โหมดประหยัด (Eco) : เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุด เหมาะกับการขับขี่ทางไกลที่ใช้ความเร็วคงที่ โดยระบบจะรักษากำลังเครื่องยนต์และเกียร์ให้เหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
  • โหมดลากจูงและบรรทุก (Tow/Haul) : เหมาะสำหรับการลากจูงวัตถุที่มีน้ำหนักมาก โดยช่วยปรับอัตราทดเกียร์ให้เหมาะสม เพื่อการส่งกำลังและการหน่วงกำลังของเครื่องยนต์บนสภาพทางที่ลาดชัน พร้อมเพิ่มน้ำหนักพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด 
  • โหมดถนนลื่น (Slippery) : ใช้สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนที่มีความลื่นสูง เช่น  ขณะฝนตก หรือจากคราบน้ำมัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียการทรงตัว โดยระบบจะควบคุมการหมุนของล้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่ตอบสนองรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการควบคุมให้กับคุณ
  • โหมดโคลน (Mud/Ruts) : สำหรับขับลุยแบบออฟโร้ด โดยระบบจะช่วยรักษาสมดุลการเคลื่อนที่ของตัวรถ ขณะที่หมุนล้ออย่างรวดเร็วเพื่อกำจัดดินโคลนที่ติดอยู่ที่ดอกยาง
  • โหมดทราย (Sand) : อีกโหมดสำหรับการขับขี่แบบออฟโร้ด โดยที่โหมด ‘ทราย’ นี้ทำได้มากกว่าแค่ขับตะลุยทราย แต่ยังช่วยให้คุณขับลุยไปบนแอ่งทราย หรือสภาพทางที่ดินมีความร่วนสูง โดยระบบจะปรับอัตราการส่งกำลัง อัตราการทดเกียร์ และการทรงตัว เพื่อรักษาสมดุลการเคลื่อนที่ของตัวรถ พร้อมช่วยย่นระยะเบรก

โหมดควบคุมการขับขี่ 4 โหมดของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วยโหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดถนนลื่น โหมดลากจูง โดยรุ่นที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4X4) จะมีโหมดโคลน และโหมดทราย สำหรับการขับขี่สี่ล้อแบบความเร็วสูง (4H) และแบบทดอัตราเกียร์ (4L) เพิ่มขึ้นมา 

หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับออฟโร้ด

นอกจากโหมดการขับขี่หลายรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งาน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังมาพร้อมโหมดสำหรับการขับออฟโร้ด บนหน้าจอแสดงผลด้วยระบบ SYNC®4A อินโฟเทนเมนท์รุ่นล่าสุด ที่ให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับลุยทางยาก ทั้งระบบส่งกำลัง ค่า Diff-Lock และมุมเลี้ยว รวมถึงมุมองศาตัวรถ (Pitch and Roll) โดยมีภาพจากกล้องหน้าพร้อมเส้นบอกระยะ ช่วยให้คุณหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ง่ายยิ่งขึ้น  

ระบบส่งกำลังที่แตกต่างกัน

มีระบบส่งกำลังสี่ล้อ 2 รูปแบบ

โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพื้นฐานเป็นแบบ Part Time ทั้ง 2H, 4H และ 4L ที่คุณสามารถเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องหยุดรถ ด้วยระบบ Shift On The Fly แบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ On Demand (2H, 4H และ 4L) ให้คุณเลือกเพื่อลุยทางยากได้ถึงใจยิ่งกว่า

การเลือกระบบส่งกำลังสามารถทำได้โดยการกดหรือหมุนแป้นควบคุมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งเป็นโหมดควบคุมการขับขี่ ในขณะที่เลือกโหมดควบคุมการขับขี่สามารถทำได้โดยการกดหรือหมุนหมุนแป้นควบคุม

  • 2H ใช้สำหรับการขับขี่ปกติบนพื้นผิวเรียบ 
  • 4H รถขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น เมื่อขับขี่บนเส้นทางลูกรังหรือกรวดหิน โดยคุณสามารถเปลี่ยนจาก 2H มาเป็น 4H ขณะขับขี่ด้วยความเร็วได้ถึง 110 กม./ชม. โดยไม่ต้องหยุดรถ 
  • 4L รถขับเคลื่อนทั้งสี่ล้ออัตราทดเกียร์ต่ำ ช่วยเพิ่มกำลังและแรงบิด เมื่อคุณต้องใช้ความเร็วต่ำ ค่อยๆ ขับผ่านร่องทรายหรือทางขุรขระ การเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนมาเป็นแบบ 4L จำเป็นต้องจอดรถ ก่อนเปลี่ยนเกียร์ไปที่ N แล้วกดปุ่ม และทำเช่นเดียวกันเมื่อต้องการเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่น

ระบบดิฟล็อคหลังแบบไฟฟ้า

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมระบบดิฟล็อคหลังแบบไฟฟ้า ที่สามารถเปิดการใช้งานได้จากหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับออฟโร้ด โดยระบบนี้ช่วยให้ล้อหลังหมุนด้วยระดับความเร็วเดียวกัน เพิ่มพละกำลังในการยึดเกาะและควบคุมรถเมื่อคุณต้องขับลุยทางยากๆ

ระบบควบคุมการขับลงทางชัน*

ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมรถขณะขับขี่บนทางลาดชันหรือภูเขา โดยระบบนี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่ล้อจะล็อก ซึ่งทำให้คุณเสียการควบคุมรถ ด้วยการช่วยชะลอความเร็วของล้อ เพื่อรักษาระดับความเร็วโดยที่คุณไม่ต้องแตะเบรกอยู่ตลอดเวลา

*เฉพาะรุ่น Titanium+ 4X4 เท่านั้น

วิธีใช้งานระบบควบคุมการขับลงทางชัน

จอดรถให้นิ่งสนิท เปลี่ยนเกียร์เป็น P หรือ N ก่อน กดปุ่มระบบควบคุมการขับลงทางชัน (Hill Descent Control) บนหน้าจอแสดงข้อมูลสำหรับการขับออฟโร้ด แล้วเลือกระหว่าง เดินหน้า หรือ ถอยหลัง (ระบบนี้สามารถใช้กับการถอยหลังลงทางชันได้) ก่อนค่อยๆ คลายเท้าของคุณออกจากแป้นเบรก หลังจากนั้น คุณไม่จำเป็นต้องแตะเบรกอีกเลยจนถึงทางเรียบ ที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ควบคุมทิศทางพวงมาลัยเท่านั้น โดยคุณสามารถควบคุมความเร็วผ่าน ปุ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (+) และ (-) บนพวงมาลัย

 

Ford Ranger

โหมดควบคุมการขับขี่ (Selectable Drive Modes) ของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้รับการออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบออฟโร้ด ทั้งตัวจริงและมือใหม่ เพียงหมุนแป้นควบคุมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง สัญลักษณ์ของโหมดการขับขี่ที่คุณเลือกจะปรากฏอยู่บนแผงหน้าปัดแสดงข้อมูลแบบดิจิทัล เช่น หากเลือกโหมดลากจูงและบรรทุก (Tow/Haul) แผงหน้าปัดจะแสดงภาพแอนิเมชั่นของยานพาหนะที่กำลังลากจูงสิ่งพ่วงท้าย

โหมดควบคุมการขับขี่ทั้งหมด*

  • โหมดปกติ (Normal) : เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน และสภาพถนนทุกรูปแบบ  
  • โหมดประหยัด (Eco) : เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุด เหมาะกับการขับขี่ทางไกลที่ใช้ความเร็วคงที่ โดยระบบจะรักษากำลังเครื่องยนต์และเกียร์ให้เหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
  • โหมดลากจูงและบรรทุก (Tow/Haul) : เหมาะสำหรับการลากจูงวัตถุที่มีน้ำหนักมาก โดยช่วยปรับอัตราทดเกียร์ให้เหมาะสม เพื่อการส่งกำลังและการหน่วงกำลังของเครื่องยนต์บนสภาพทางที่ลาดชัน พร้อมเพิ่มน้ำหนักพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด 
  • โหมดถนนลื่น (Slippery) : ใช้สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนที่มีความลื่นสูง เช่น  ขณะฝนตก หรือจากคราบน้ำมัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียการทรงตัว โดยระบบจะควบคุมการหมุนของล้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่ตอบสนองรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการควบคุมให้กับคุณ
  • โหมดโคลน (Mud/Ruts) : สำหรับขับลุยแบบออฟโร้ด โดยระบบจะช่วยรักษาสมดุลการเคลื่อนที่ของตัวรถ ขณะที่หมุนล้ออย่างรวดเร็วเพื่อกำจัดดินโคลนที่ติดอยู่ที่ดอกยาง
  • โหมดทราย (Sand) : อีกโหมดสำหรับการขับขี่แบบออฟโร้ด โดยที่โหมด ‘ทราย’ นี้ทำได้มากกว่าแค่ขับตะลุยทราย แต่ยังช่วยให้คุณขับลุยไปบนแอ่งทราย หรือสภาพทางที่ดินมีความร่วนสูง โดยระบบจะปรับอัตราการส่งกำลัง อัตราการทดเกียร์ และการทรงตัว เพื่อรักษาสมดุลการเคลื่อนที่ของตัวรถ พร้อมช่วยย่นระยะเบรก

โหมดควบคุมการขับขี่ 4 โหมดของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ประกอบด้วยโหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดถนนลื่น โหมดลากจูง โดยรุ่นที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4X4) จะมีโหมดโคลน และโหมดทราย สำหรับการขับขี่สี่ล้อแบบความเร็วสูง (4H) และแบบทดอัตราเกียร์ (4L) เพิ่มขึ้นมา 

หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับออฟโร้ด

นอกจากโหมดการขับขี่หลายรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งาน ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังมาพร้อมโหมดสำหรับการขับออฟโร้ด บนหน้าจอแสดงผลด้วยระบบ SYNC®4A อินโฟเทนเมนท์รุ่นล่าสุด ที่ให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับลุยทางยาก ทั้งระบบส่งกำลัง ค่า Diff-Lock และมุมเลี้ยว รวมถึงมุมองศาตัวรถ (Pitch and Roll) โดยมีภาพจากกล้องหน้าพร้อมเส้นบอกระยะ ช่วยให้คุณหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ง่ายยิ่งขึ้น  

 

ระบบส่งกำลังที่แตกต่างกัน

ฟอร์ด เรนเจอร์ มีระบบส่งกำลังสี่ล้อ 2 รูปแบบ

โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพื้นฐานเป็นแบบ Part Time ทั้ง 2H, 4H และ 4L ที่คุณสามารถเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องหยุดรถ ด้วยระบบ Shift On The Fly แบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ On Demand (2H, 4H และ 4L) ให้คุณเลือกเพื่อลุยทางยากได้ถึงใจยิ่งกว่า

การเลือกระบบส่งกำลังสามารถทำได้โดยการกดหรือหมุนแป้นควบคุมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งเป็นโหมดควบคุมการขับขี่ ในขณะที่เลือกโหมดควบคุมการขับขี่สามารถทำได้โดยการกดหรือหมุนหมุนแป้นควบคุม

  • 2H ใช้สำหรับการขับขี่ปกติบนพื้นผิวเรียบ 
  • 4H รถขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น เมื่อขับขี่บนเส้นทางลูกรังหรือกรวดหิน โดยคุณสามารถเปลี่ยนจาก 2H มาเป็น 4H ขณะขับขี่ด้วยความเร็วได้ถึง 110 กม./ชม. โดยไม่ต้องหยุดรถ 
  • 4L รถขับเคลื่อนทั้งสี่ล้ออัตราทดเกียร์ต่ำ ช่วยเพิ่มกำลังและแรงบิด เมื่อคุณต้องใช้ความเร็วต่ำ ค่อยๆ ขับผ่านร่องทรายหรือทางขุรขระ การเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนมาเป็นแบบ 4L จำเป็นต้องจอดรถ ก่อนเปลี่ยนเกียร์ไปที่ N แล้วกดปุ่ม และทำเช่นเดียวกันเมื่อต้องการเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่น
  • 4A (มีเฉพาะรุ่น Raptor เท่านั้น) สามารถใช้กับการขับขี่ได้ทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะบนถนน หรือออฟโร้ด โดยระบบจะกระจายแรงบิดไปที่ล้อทั้งสี่ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน ให้คุณทั้งมั่นใจและอุ่นใจ

ระบบดิฟล็อคหลังแบบไฟฟ้า

ฟอร์ด เรนเจอร์ มาพร้อมระบบดิฟล็อคหลังแบบไฟฟ้า ที่สามารถเปิดการใช้งานได้จากหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับออฟโร้ด โดยระบบนี้ช่วยให้ล้อหลังหมุนด้วยระดับความเร็วเดียวกัน เพิ่มพละกำลังในการยึดเกาะและควบคุมรถเมื่อคุณต้องขับลุยทางยากๆ

ระบบควบคุมการขับลงทางชัน*

ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมรถขณะขับขี่บนทางลาดชันหรือภูเขา โดยระบบนี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่ล้อจะล็อก ซึ่งทำให้คุณเสียการควบคุมรถ ด้วยการช่วยชะลอความเร็วของล้อ เพื่อรักษาระดับความเร็วโดยที่คุณไม่ต้องแตะเบรกอยู่ตลอดเวลา

*เฉพาะรุ่น Sport 4x4, Wildtrak 4x4, Raptor เท่านั้น

วิธีใช้งานระบบควบคุมการขับลงทางชัน

จอดรถให้นิ่งสนิท เปลี่ยนเกียร์เป็น P หรือ N ก่อน กดปุ่มระบบควบคุมการขับลงทางชัน (Hill Descent Control) บนหน้าจอแสดงข้อมูลสำหรับการขับออฟโร้ด แล้วเลือกระหว่าง เดินหน้า หรือ ถอยหลัง (ระบบนี้สามารถใช้กับการถอยหลังลงทางชันได้) ก่อนค่อยๆ คลายเท้าของคุณออกจากแป้นเบรก หลังจากนั้น คุณไม่จำเป็นต้องแตะเบรกอีกเลยจนถึงทางเรียบ ที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ควบคุมทิศทางพวงมาลัยเท่านั้น โดยคุณสามารถควบคุมความเร็วผ่าน ปุ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (+) และ (-) บนพวงมาลัย