ในระหว่างขับรถ ถ้าปิดหน้าต่างทุกบานหรือในโหมดอากาศหมุนเวียนภายในรถเป็นเวลานานโดยไม่มีการละลายน้ำแข็ง/ละลายฝ้า (ในบางสภาพอากาศโดยเฉพาะ) ผิวกระจกด้านในจะมีฝ้าเกาะเนื่องจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิภายในและภายนอกรถยนต์ ทำให้กีดขวางการมองเห็นของผู้ขับและมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่อย่างร้ายแรง ดังนั้น คำแนะนำการละลายฝ้าอย่างมีประสิทธิภาพจึงจำเป็นที่ควรจะทราบไว้
การละลายน้ำแข็ง/ละลายฝ้าในระบบปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
1) กดปุ่มละลายฝ้า MAX สีส้มที่แผงเครื่องปรับอากาศ
2) ถ้าอุณหภูมิโดยรอบในขณะนี้สูงกว่า 4℃ ระบบปรับอากาศจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติและทำงานด้วยโหมดอากาศหมุนเวียนจากภายนอกรถ โดยหมุนเวียนอากาศด้วยความเร็วสูงและที่อุณหภูมิ H1 ไม่ควรเลือกโหมดอากาศหมุนเวียนภายในรถในเวลานี้ ระดับความแรงลมและอุณหภูมิจะได้รับการควบคุมโดยอัตโนมัติจึงไม่ควรปรับตั้งเอง เมื่อคุณเลือกละลายน้ำแข็ง/ละลายฝ้ากระจกหน้ารถยนต์ ระบบทำความร้อนที่กระจกมองข้างจะทำงานอัตโนมัติ (ระบบทำความร้อนที่กระจกหน้ารถยนต์ถ้ามีก็จะทำงานด้วยเช่นกัน) และจะหยุดทำงานหลังจากนั้นในอีกสักครู่ กดปุ่ม AUTO ระบบปรับอากาศจะกลับไปสู่โหมดอัตโนมัติ หลังการละลายฝ้าเสร็จ คุณสามารถปรับอุณหภูมิ ความแรงลม โหมดกระจายลม และเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศได้ด้วยตัวเอง
การละลายน้ำแข็งและละลายฝ้าของระบบปรับอากาศแบบไม่อัตโนมัติ
1) บิดปุ่มโหมดการเป่าลมไปที่ทิศทางลมของการละลายฝ้ากระจกหน้ารถ
2) เลือกอากาศหมุนเวียนจากภายนอกรถ (ไฟแสดงอากาศหมุนเวียนภายในรถจะดับลง)
3) ตั้งระดับความแรงลมที่ระดับ 4 (ยิ่งระดับความแรงลมสูง การละลายฝ้าก็จะยิ่งเร็วขึ้น)
4) บิดปุ่มอุณหภูมิไปที่ตำแหน่งต่ำสุดในบริเวณสีแดง
5) เมื่ออุณหภูมิโดยรอบสูงกว่า 4 ℃ ระบบปรับอากาศจะทำงานอัตโนมัติ
6) เมื่อละลายน้ำแข็งและละลายฝ้าเสร็จแล้ว สามารถปรับอุณหภูมิ ความแรงลม โหมดกระจายลมได้ตามต้องการ และสามารถเปิดหรือปิดระบบปรับอากาศได้ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ การเปิดหน้าต่างอย่างเหมาะสมยังสามารถเร่งการละลายน้ำแข็งและละลายฝ้าให้เร็วขึ้นด้วย กดปุ่มทำความร้อนกระจกหลังถ้าจำเป็นเพื่อกำจัดน้ำแข็งที่เกาะกระจกหลังอย่างรวดเร็ว การจะละลายฝ้าที่กระจกหน้าต่างด้านข้างให้เร็วขึ้นคุณสามารถปิดช่องระบายลมตรงกลางเพื่อให้ลมไปออกที่ช่องระบายลมด้านข้างกระจกหน้าต่างทั้งสองด้าน ถ้ารถยนต์คันนั้นมีระบบทำความร้อนกระจกมองข้าง การละลายน้ำแข็งและละลายฝ้าที่กระจกมองข้างจะทำงานขึ้นพร้อมกัน
กลิ่นไม่พึงประสงค์ใด ๆ ภายในรถยนต์จะมีความเกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากระบบปรับอากาศ สามารถแบ่งแยกสาเหตุคร่าว ๆ ได้ดังนี้:
1) กลิ่นจากราในพรมที่ชุ่มน้ำ หรือราในคอยล์ทำความเย็นของระบบปรับอากาศ
2) ไม่สามารถรักษาการหมุนเวียนอากาศได้ดีหลังการสูบบุหรี่ในรถยนต์เป็นเวลานาน กลิ่นจากน้ำมันดิน (Tar) เกาะติดอยู่ที่คอยล์เย็น เบาะนั่ง และภายในรถยนต์
3) กลิ่นจากอาหารในรถยนต์ที่ปิดผนึกไม่ดี
4) กลิ่นบูดจากน้ำหอมรถยนต์ที่แรงเกินไปหรือหมดอายุ
5) กลิ่นจากสารย่อยสลายที่สูดเข้าไปในระบบปรับอากาศ
6) สภาพอากาศไม่ดีที่เกิดจากการใช้ระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถยนต์เป็นเวลานาน
มีหลากหลายวิธีที่จะทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้นและแก้ปัญหากลิ่นภายในรถยนต์
ในด้านหนึ่ง เจ้าของรถยนต์ต้องพยายามหลีกเลี่ยงแหล่งที่มาของกลิ่นให้มากที่สุด เช่น ถุงเครื่องหอม อาหาร และน้ำหอม ปิดการทำความเย็นของระบบปรับอากาศก่อนถึงจุดหมายแต่เปิดให้ลมเป่าต่อไปเพื่อให้ลมธรรมชาติระเหยน้ำในคอยล์เย็นออกและหลีกเลี่ยงการเกิดกลิ่น ใช้ประโยชน์จากแสงแดดที่มีอุณหภูมิสูงในวันแดดจัดมาดูแลรถยนต์ให้แห้งและกำจัดกลิ่นอับให้บ่อยที่สุด เปิดกระจกหน้าต่างทุกบานหรือใช้อากาศหมุนเวียนจากภายนอกในพื้นที่ชานเมืองที่มีอากาศบริสุทธิ์มากำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถยนต์ หากมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างมากในรถยนต์ของคุณ คุณอาจเริ่มด้วยการเปิดหน้าต่าง จากนั้นเปิดระบบทำความร้อนด้วยแรงลมสูงสุดและเปิดระบบปรับอากาศด้วยระดับอุณหภูมิสูงสุดเพื่อลดกลิ่นดังกล่าว
ในอีกด้านหนึ่ง คุณต้องกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่มีอยู่ให้สิ้นซาก และทำความสะอาดและบำรุงรักษาระบบปรับอากาศทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเข้าไปเกี่ยวกับงานทางเทคนิคสูง ดังนั้น ขอแนะนำให้คุณนำรถเข้าศูนย์บริการมาตรฐานฟอร์ด 4S เพื่อรับบริการทางเทคนิค นอกจากนี้ กลิ่นที่มีอยู่ในรถใหม่ถือเป็นสิ่งปกติ ขอแนะนำให้ลูกค้าเปิดหน้าต่างบ่อย ๆ ในสองเดือนแรกเพื่อให้มีการระบายอากาศและทำให้กลิ่นค่อย ๆ ลดลงจนหมด
สำหรับกลิ่นในรถใหม่ "การป้องกันสำคัญกว่าการบำบัด" เจ้าของรถควรมีอุปนิสัยที่ดีตั้งแต่ต้น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การรับประทานของกินเล่น และการใช้น้ำหอมในรถยนต์ให้มากที่สุด การทำให้อากาศสดชื่นสามารถทำได้โดยใช้ระบบอากาศหมุนเวียนจากภายนอกรถยนต์ และลดกระจกหน้าต่างลงทุกบานเพื่อให้มีการระบายอากาศเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย ขณะขับรถยนต์ในบริเวณชานเมือง ผู้ขับอาจตั้งระบบปรับอากาศไปเป็นการใช้อากาศหมุนเวียนจากภายนอกรถยนต์หรือลดกระจกหน้าต่างลงทุกบานเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้าสู่รถและขับไล่กลิ่นให้หมดไป ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนตัวกรองของระบบปรับอากาศในการบำรุงรักษาตามวาระ ถ้าคุณสามารถรักษาอุปนิสัยเหล่านี้ได้ คุณก็สามารถรักษากลิ่นที่สดชื่นและดีต่อสุขภาพในรถยนต์ของคุณไว้ได้
ความร้อนจากระบบปรับอากาศเกิดจากการส่งผ่านความร้อนจากน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ ดังนั้น เมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์ไม่ถึงอุณหภูมิเดินเครื่อง (ประมาณ 95 องศา) อุณหภูมิที่ช่องปรับอากาศจะเป็นระดับอุณหภูมิจริงภายในรถยนต์
เมื่ออุณหภูมิเดินเครื่องยนต์อยู่ในระดับปกติแล้ว การทำความร้อนจะเป็นปกติ จากนั้นผู้ขับและผู้โดยสารสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามความประสงค์
เพื่อสุขภาพของคุณ ขอแนะนำว่าควรเลือกโหมดอากาศหมุนเวียนจากภายนอกรถยนต์ของระบบปรับอากาศในสถานการณ์ปกติ ซึ่งสามารถช่วยให้อากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่รถยนต์ เมื่อมีความจำเป็นที่จะได้ระดับความเย็นที่รวดเร็วหรือมีความต้องการในบางสถานการณ์ เช่น จราจรติดขัด ติดไฟแดง หรือสภาพอากาศภายนอกไม่ดีให้เลือกโหมดอากาศหมุนเวียนภายในรถยนต์ แต่ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน มิฉะนั้นจะเสี่ยงต่อภาวะขาดออกซิเจน
ถ้าคุณเปิดโหมดอากาศหมุนเวียนจากภายนอกรถยนต์ในขณะที่รถยนต์ทำงาน คุณจะรู้สึกถึงลมอ่อน ๆ ที่ช่องระบายลม และในบางครั้งจะมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศในรถยนต์เล็กน้อยซึ่งเป็นสิ่งปกติอันเป็นผลมาจากเครื่องยนต์เป็นส่วนใหญ่
มีผู้ขับขี่ไม่มากที่ประสบกับการมีลมร้อนสูงออกจากช่องระบายลม เป็นเพราะไม่ได้บิดปุ่มปรับอุณหภูมิไปอยู่ในบริเวณสีฟ้าด้านอุณหภูมิต่ำ ทำให้ลมธรรมชาติที่เข้ามาถูกทำให้ร้อนด้วยตัวทำความร้อนหลัก กรุณาบิดปุ่มไปยังบริเวณสีฟ้า
1) เมื่อเปิดระบบปรับอากาศ ห้องเครื่องยนต์จะมีเสียง "คลิก" ซึ่งแสดงว่าระบบปรับอากาศอยู่ในโหมดความเย็นแล้ว
2) เพื่อยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์แอร์ ขอแนะนำให้เปิดฟังก์ชันทำความเย็นเป็นเวลา 3 ถึง 5 นาทีทุก ๆ ครึ่งเดือน
3) การทำงานของพัดลมจะทำให้เกิดเสียงซึ่งเป็นเรื่องปกติ ระดับแอร์ยิ่งแรงเสียงจะยิ่งดัง
4) ในขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ ปุ่มโหมดอากาศหมุนเวียนภายในรถยนต์ของระบบปรับอากาศแบบไม่อัตโนมัติ หรือปุ่ม A/C ของระบบปรับอากาศอาจติดเองโดยอัตโนมัติในบางครั้ง กรุณากดปุ่มทั้งสองด้วยตัวเองเพื่อปิดการทำงานก่อนหยุดรถ
5) บิดปุ่มทิศทางลมของระบบปรับอากาศไปยังตำแหน่งละลายน้ำแข็ง ไฟที่ปุ่ม A/C จะติดขึ้นโดยอัตโนมัติ และไฟที่ปุ่มอากาศหมุนเวียนภายในรถจะดับลงอัตโนมัติในบางครั้ง คุณสามารถกดปุ่ม A/C เพื่อปิดการทำงานเอง
6) เมื่ออุณหภูมิโดยรอบต่ำกว่า 4℃ ปุ่มละลายน้ำแข็งและละลายฝ้าจะติดขึ้นเอง เพียงกดไปที่ปุ่มเพื่อปิดการทำงาน
7) เมื่อเปิดสวิตช์ละลายฝ้ากระจกหลัง โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการกำจัดฝ้าจนหมดและฟังก์ชั่นการละลายฝ้าจะดับไปเอง ไฟที่ปุ่มละลายน้ำแข็งก็จะดับลงเองเช่นกัน
8) เมื่อจอดรถยนต์หลังการทำงานของระบบปรับอากาศไว้ระยะหนึ่งจะมีหยดน้ำไหลจากใต้ท้องรถซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ถ้าอุณหภูมิของน้ำยาหล่อเย็นสูงกว่าอุณหภูมิสูงสุดที่เครื่องยนต์สามารถยอมรับได้ในทันทีที่จอดรถ (ขณะที่กำลังดึงกุญแจรถยนต์ออก) กล่อง ECU ของรถยนต์จะคำนวณความเร็วพัดลมและเวลาทำงานของพัดลมตามอุณหภูมิที่แตกต่างกันของทั้งสองสิ่งเพื่อควบคุมการทำงานของพัดลมโดยอัตโนมัติ อุณหภูมิเครื่องยนต์ยิ่งสูงความเร็วพัดลมก็ยิ่งสูงตามและทำงานต่อนานขึ้นหลังจากจอดรถแล้ว เมื่ออุณหภูมิสารหล่อเย็นต่ำกว่าอุณหภูมิสูงสุดที่เครื่องยนต์ยอมรับได้แล้ว พัดลมจะหยุดทำงานเองโดยอัตโนมัติ กล่อง ECU สามารถควบคุมและหยุดการทำงานของพัดลม และฟังก์ชันนี้ไม่มีผลกระทบต่อกำลังไฟของแบตเตอรี่จึงไม่ต้องกังวล วัตถุประสงค์ของการควบคุมพัดลมในลักษณะนี้ก็เพื่อป้องกันสารหล่อเย็นที่มีอุณหภูมิสูงไปทำความเสียหายกับชิ้นส่วนเครื่องยนต์หลังจอดรถแล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพบว่าพัดลมระบายความร้อนยังทำงานอยู่ในบางครั้งเมื่อดับเครื่องยนต์แล้ว ขอให้คุณใช้รถได้อย่างมั่นใจ
นี่เป็นเหตุการณ์ปกติในช่วงการทำงานของเครื่องยนต์
เพื่อทำให้เครื่องยนต์ไปถึงอุณหภูมิใช้งานที่ดีที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด (ทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่ภาวะเครื่องร้อนเร็วขึ้น) กล่อง ECU จะควบคุมให้เครื่องยนต์เดินเครื่องที่ความเร็วรอบสูงชั่วเวลาหนึ่งและจากนั้นจะเดินเครื่องที่ความเร็วรอบคงที่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องเครื่องยนต์ ยืดอายุการใช้งาน และลดการสิ้นเปลืองพลังงาน เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิใช้งาน เครื่องยนต์จะไม่ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นละอองส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพการปล่อยไอเสียก็แย่กว่าเมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์ยังต่ำอยู่ และการสึกหรอทางกลศาสตร์ของเครื่องยนต์ก็รุนแรงกว่าในอุณหภูมิใช้งานปกติ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่ภาวะ "รถอุ่น" โดยเร็ว
รถยนต์ฟอร์ดเน้นความคล่องตัวและการเคลื่อนไหว ยางลดการสั่นสะเทือนในรถยนต์ฟอร์ดจะแข็งกว่าในรถยนต์ที่ผลิตโดยคู่แข่ง ดังนั้นเครื่องยนต์จะมีเสียงดังกว่าเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับรถรุ่นต่าง ๆ จากผู้ผลิตรายอื่น
เมื่อรถยนต์อยู่ในภาวะเครื่องเย็นขณะสตาร์ท เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำและน้ำมันหล่อลื่นมีความหนืดสูง การหล่อลื่นเครื่องยนต์จึงไม่เพียงพอ และภาวะเครื่องยนต์เดินเบาจะสูงกว่าในรถที่ยังเย็นอยู่ เสียงเครื่องยนต์ของรถก็จะดังกว่าซึ่งโดยทั่วไปเสียงจะลดลงหลังการอุ่นรถ สถานการณ์แบบนี้จะพบได้มากกว่าในพื้นที่หนาวเย็นทางตอนเหนือเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำกว่า ผู้ขับควรสตาร์ทรถและแตะคันเร่งเบา ๆ เครื่องยนต์จะให้เสียงที่เรียบและเบาซึ่งไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อเครื่องยนต์แต่ยังลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วย
เมื่อรถยนต์เกียร์อัตโนมัติอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 1 เสียงที่เกิดจากกระปุกเกียร์อัตโนมัติจะดังกว่าเสียงในตำแหน่งเกียร์ที่สูงกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่าการส่งแรงบิดจะสูงกว่าในตำแหน่งเกียร์ต่ำ ซึ่งสร้างแรงปฏิกิริยาที่มากกว่ากับตัวถังรถ
ขณะผู้ขับเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติในรถยนต์จะได้ยินเสียงเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะส่วนประกอบของแรงกดในเกียร์กำลังเคลื่อนที่
เข็มชี้วัดอุณหภูมิบอกอุณหภูมิน้ำยาหล่อเย็นที่ความร้อนมากกว่า 60 องศาไปจนถึงใกล้ถึงประมาณ 90 องศา เป็นหลักการออกแบบปกติทั่วไป
ระดับอุณหภูมิใช้งานที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 95℃ เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว เทอร์โมสตัตหรือวาวล์น้ำจะทำหน้าที่ควบคุมการหมุนเวียนของน้ำยาหล่อเย็นในเครื่องยนต์จนน้ำยาหล่อเย็นมีอุณหภูมิดังกล่าวในเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ยืดอายุเครื่องยนต์ และปกป้องเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นการออกแบบปกติทั่วไป จึงสามารถใช้รถยนต์ได้อย่างมั่นใจ
1) เหยียบแป้นเบรค
2) ดึงเบรคมือขึ้นเล็กน้อย จากนั้นกดปุ่มปลดเบรคและปล่อยเบรคมือลงจนสุด
1) เมื่อมีไฟเตือน ABS ปรากฏขึ้นบนแผงหน้าปัด กรุณานำรถเข้าศูนย์บริการมาตรฐานฟอร์ด 4S โดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจเช็คและซ่อมแซม ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบใด ๆ ที่จะมีต่อความปลอดภัยในการขับขี่ของคุณและทำให้การเดินทางของคุณล่าช้า
2) การปล่อยเบรคหลังการสตาร์ทรถจะมีการเสียดสีกันระหว่างผ้าเบรคและจานเบรคถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ ผู้ขับจะแตะเบรคก่อนเข้าเกียร์และปล่อยเบรคเมื่อเข้าเกียร์แล้วจากนั้นรถจะออกตัว ในช่วงนี้ผ้าเบรคและจานเบรคเหมาะกับระดับอุณหภูมิปกติทำให้ไม่เกิดการเสียดสีมาก และรถยนต์มีกำลังที่จะเดินหน้าหรือถอยหลังตามการเข้าเกียร์ การปล่อยแป้นเบรคในเวลานี้จะเกิดเสียงคล้าย ๆ "ครืด" จากผ้าเบรคและจานเบรค ถ้าน้ำเข้าจานเบรคหลังการล้างรถจะได้ยินเสียงนี้ชัดขึ้น
3) หลังการใช้เบรคมือระยะเวลาหนึ่ง สายเบรคจะยาวขึ้นซึ่งเป็นเรื่องปกติ สายเบรคมือประกอบไปด้วยกลุ่มเส้นลวดหลากชนิดที่มีความยืดตัวหลังเกิดความเค้นและหลังการใช้งานเป็นเวลานาน โดยมีความสามารถในการยืดตัวระดับหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับความยาวของสายเบรคมือในรถใหม่ซึ่งไม่มีผลใด ๆ กับเบรคมือ
4) จานเบรคขึ้นสนิม ชิ้นส่วนหลักของจานเบรคคือเหล็ก ถ้าไม่มีการใช้รถยนต์เป็นเวลานานจะมีสนิมขึ้นที่ผิวหน้าจานเบรค อย่างไรก็ตามเมื่อนำรถยนต์ออกมาขับ สนิมจะถูกกำจัดออกไปด้วยการเบรคซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานปกติ
5) จานเบรคร้อนหลังการใช้งานเป็นเรื่องปกติ การหยุดรถเกิดจากการเสียดสีระหว่างจานเบรคและผ้าเบรค เป็นกระบวนการแปลงพลังงานจลน์ให้เป็นพลังงานความร้อนจึงเกิดเป็นความร้อนขึ้น อย่าสัมผัสจานเบรคด้วยมือหลังการจอดรถเพื่อป้องกันมือไหม้.
รถยนต์ใหม่ที่ยังอยู่ในช่วงรันอิน (running-in period) จะมีความรู้สึกถึงแรงต้านและเสียงดังบ้างเมื่อเข้าเกียร์ถอย เกียร์ถอยจะมีตำแหน่งแตกต่างจากเกียร์อื่น เพราะมีการออกแบบเป็นวงแหวนใต้หัวเกียร์ ซึ่งประสานเฟืองเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นความต้านทานแรงเสียดจึงมีมากกว่า
การใช้เกียร์อย่างถูกต้องสามารถลดหรือหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างมาก รถยนต์ต้องอยู่ในสภาวะจอดนิ่งก่อนเข้าเกียร์ถอย เหยียบคลัตช์ 3 วินาทีแล้วเข้าเกียร์ถอยเพื่อไม่ให้ซี่เฟืองกระปุกเกียร์หัก การใช้งานอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล แต่ยังปกป้องและไม่ทำความเสียหายให้กับกระปุกเกียร์อีกด้วย
ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์โดยทั่วไปจะเป็นแบบไฮดรอลิก โดยใช้แรงดันไฮดรอลิกส่งกำลังไปที่ระบบพวงมาลัยทำให้คุณหมุนพวงมาลัยได้ง่ายขึ้น
เวลาหมุนพวงมาลัยไปจนสุด แกนบังคับเลี้ยวจะถึงขีดจำกัด ในตอนนี้ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์จะปล่อยน้ำมันออกมาเอง มิเช่นนั้นปั๊มน้ำมันจะร้อนเกินไปและเสียหาย และเสียงก็จะดังยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ขอแนะนำอย่าหมุนพวงมาลัยจนสุดเป็นเวลานาน เพราะอาจกระทบอายุการใช้งานของปั๊มน้ำมันเพาเวอร์
1) เวลาเปิดหน้าต่างหรือซันรูฟในขณะขับขี่ ห้องโดยสารจะกลายเป็นโพรง ซึ่งผิวตัวถังรถยนต์และโพรงจะก่อให้เกิดความก้องกังวานของเสียงกลายเป็นเสียงรบกวน
2) เมื่อเปิดหน้าต่างหรือซันรูฟ ระบบปิดผนึกของรถทั้งคันจะด้อยประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง จะไม่สามารถแยกเสียงภายนอกออกจากห้องผู้โดยสาร
3) เมื่อเปิดหน้าต่างหรือซันรูฟ เสียงจะทำปฏิกิริยาโดยตรงกับหูของผู้โดยสาร และผู้โดยสารจะรู้สึกได้เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น การเปิดหน้าต่างหรือซันรูฟในขณะขับขี่จะทำให้เกิดเสียงลมรบกวนมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องปกติ ขอแนะนำให้คุณปิดหน้าต่างหรือซันรูฟในขณะขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นพฤติกรรมการขับรถที่ดีและสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้
1) การขับรถบนถนนซีเมนต์ เสียงยางรถยนต์บนถนนซีเมนต์จะดังกว่าถนนยางมะตอย เพราะถนนราดยางมะตอยมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับถนนซีเมนต์แล้วถนนราดยางมะตอยไม่เพียงมีหน้าสัมผัสยางรถยนต์ที่น้อยกว่าแต่โครงสร้างที่เหมือนรังผึ้งยังช่วยดูดซับเสียง
2) เมื่อมีวัตถุสะท้อนเสียงอยู่โดยรอบ (เช่น อุโมงค์) ในสภาวะแวดล้อมปกติเสียงที่เกิดจากรถยนต์ในระหว่างการขับขี่จะแผ่กระจายออกและค่อย ๆ เลือนหายไปในพื้นที่โดยรอบ แต่เมื่อมีสิ่งกระทบอยู่โดยรอบตัวรถยนต์ เสียงที่ควรจะแผ่กระจายออกไปกลับสะท้อนตรงกลับมายังห้องผู้โดยสาร
3) การขับรถในสภาพอากาศลมแรง ในขั้นตอนการออกแบบและการผลิตรถยนต์ของเรามีการทดสอบอุโมงค์ลมและการตรวจสอบการออกแบบมากมาย แต่เรามุ่งความสนใจไปที่ทิศทางลม 0 ถึง 20 องศา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อขับรถในสภาพอากาศลมแรงจะมีลมรบกวนด้านข้างมากกว่า และเมื่อลมรบกวนด้านข้างมีค่ามากกว่า 20 องศา เสียงลมจะดังมากกว่าการขับรถในสภาพปกติ ในขณะเดียวกันเมื่อขับรถต้านลมความเร็วลมที่ไหลผ่านจะเท่ากับความเร็วลมบวกความเร็วรถยนต์ทำให้ระดับเสียงลมดังมากกว่าในสภาวะปกติ
4) การขับรถด้วยความเร็วสูงมาก (มากกว่า 160 กม./ชม.) ลักษณะพื้นฐานอย่างหนึ่งของเสียงลมคือระดับเสียงจะเพิ่มขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าเสียงลมที่เกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงจะดังกว่าการขับรถที่ความเร็วต่ำ ในขณะเดียวกันการขับรถที่ความเร็วสูงมากเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัยและผิดกฎหมาย
5) การขับรถบนถนนพิเศษ เช่น บนถนนที่มีอุปกรณ์ลดความเร็ว ซึ่งจงใจออกแบบผิวถนนให้เกิดการสั่นและเกิดเสียงเมื่อขับรถผ่านเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ขับ
6) แรงดันลมยางสูงเกินไป เมื่อแรงดันลมยางสูงเกินไปจะเกิดโพรงมีเสียงของยางและความสั่นสะเทือนจากถนนต่อตัวถังรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้เสียงยางรถยนต์ดังมากขึ้น
7) อากาศเย็น ในสภาพอากาศเย็นความแข็งของฉนวนกันเสียงและอุปกรณ์ลดการสั่นสะเทือนจะเพิ่มมากขึ้นในระดับหนึ่ง ดังนั้นเสียงรบกวนจึงเพิ่มขึ้น
แนวคิดการออกแบบของรถยนต์ฟอร์ดจะให้ความใส่ใจกับสมรรถนะการควบคุมรถ ดังนั้นการออกแบบตะเกียบโช้คจึงแข็งกว่าและเกาะถนนได้ดีกว่า ตะเกียบโช้คที่แข็งสามารถให้สมรรถนะการควบคุมที่ดีกว่า ช่วยลดการพลิกคว่ำ รวมทั้งประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีของยางรถยนต์เพื่อมอบการขับขี่ที่สนุกสนานแก่ผู้ขับ และเพื่อให้เป็นไปตามคุณสมบัติข้างต้น มีการใช้ยางรถยนต์หน้ากว้างที่มีอัตราส่วนความสูงกับความกว้างไม่มาก และบุชชิงที่มีตัวลดการสั่นสะเทือนที่ค่อนข้างเล็กกว่าและอื่น ๆ ดังนั้นความสามารถในการดูดซับเสียงรบกวนจากถนนจึงแย่กว่าเช่นกัน
ในขณะเดียวกันระบบช่วงล่างสามารถทำให้ผู้โดยสารรับรู้ถึงสภาพถนนได้ชัดเจนเพื่อตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกับหน้าถนนที่เปลี่ยนแปลงไป การออกแบบสปริงค่อนข้างกระด้างกว่า การสปริงตัวสั้นกว่า และกันกระเทือนได้ลดลง เมื่อขับบนสภาพถนนไม่ดีหรือขับผ่านอุปกรณ์ลดความเร็วผู้โดยสารจะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทก
ไฟนอกตัวรถสามารถปรับความดันที่อยู่ภายในโคมผ่านรูหายใจในขณะใช้งาน ฝ้าที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งปกติของการออกแบบลักษณะนี้ เมื่อมีอากาศชื้นเข้าสู่โคมไฟผ่านรูหายใจจะทำให้มีฝ้าเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิที่เลนส์ลดต่ำลง เมื่อเกิดฝ้าแล้วจะมีชั้นฝ้าจาง ๆ ก่อตัวที่ผิวหน้าด้านในของเลนส์โคมไฟ ชั้นฝ้านี้จะหายไปในที่สุดและอาจเกิดขึ้นอีกในการใช้รถยนต์ในอนาคต
ฝ้าจาง ๆ นี้จะค่อย ๆ หมดไปซึ่งอาจใช้เวลา 2-3 วันหรือมากกว่าในบางกรณีซึ่งขึ้นกับอุณหภูมิแวดล้อม ความชื้น และระยะเวลาที่เปิดใช้ไฟรถยนต์ เหตุการณ์นี้ไม่มีผลเชิงลบต่อการใช้งานปกติและไฟส่องสว่างของรถยนต์
กฏระเบียบของประเทศกำหนดความสว่างของไฟหน้ารถยนต์ไว้อย่างชัดเจน และไฟหน้าของยานพาหนะทุกประเภทไม่ควรสว่างหรือมืดเกินไปเพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ไฟหน้ารถยนต์ทุกชิ้นจะผ่านการทดสอบความสว่างและการเดินทางของแสง เมื่อมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขจึงจะสามารถขายและส่งมอบสินค้าได้ นอกจากนี้ เนื่องจากเราเป็นประเทศขับรถชิดซ้ายและเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อการมองเห็นและความปลอดภัยอันเนื่องมาจากไฟหน้ารถจากทิศทางตรงกันข้าม แสงไฟหน้ารถจึงมี
ลักษณะด้านซ้ายสูงและด้านขวาต่ำซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบและเป็นสิ่งปกติ
หากคุณรู้สึกว่าไฟหน้ารถสว่างไม่เพียงพอ ขอแนะนำให้คุณติดต่อศูนย์บริการมาตรฐานฟอร์ด 4S เพื่อขอคำแนะนำและนำรถเข้าทดสอบ
โดยทั่วไปเซ็นเซอร์ถอยหลังจะได้รับการออกแบบโดยใช้หลักการสะท้อนกลับคลื่นเสียง โดยเซ็นเซอร์จะวัดระยะไปกลับของแต่ละสัญญาณที่สะท้อนกลับและคำนวณระยะห่างของวัตถุ ถ้าสัญญาณคลื่นเสียงที่ปล่อยออกจากเซ็นเซอร์เหล่านี้มีมุมองศาจำกัดอาจทำให้มีจุดบอดเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวเซ็นเซอร์อาจไม่สามารถตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านข้าง หรือวัตถุที่มีความสูงต่ำหรือขนาดใหญ่ไม่เพียงพอทำให้เซ็นเซอร์ไม่ปล่อยสัญญาณเตือนออกมา
เซ็นเซอร์ถอยหลังได้รับการออกแบบมาเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับถึงสิ่งกีดขวางในขณะจอดรถยนต์ โดยทั่วไปแล้วความถี่ของเสียงสัญญาณเตือนจะแตกต่างกันตามระยะห่างของวัตถุ (ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตแต่ละราย) ผู้ขับควรทำความคุ้นเคยกับเสียงสัญญาณเตือนเพื่อตัดสินระยะห่างของสิ่งกีดขวางได้ถูกต้อง
การบำรุงรักษาเซ็นเซอร์ถอยหลัง เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ส่งเสียงสัญญาณเตือนไม่หยุด หรือไม่มีเสียงสัญญาณเตือน กรุณาทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าเซ็นเซอร์ซึ่งอาจทำให้เซ็นเซอร์กลับมาทำงานได้เป็นปกติดังเดิม อย่าทำความสะอาดเซ็นเซอร์ด้วยการล้างน้ำ หยดน้ำอาจไปขวางเซ็นเซอร์และส่งผลกระทบต่อการปล่อยคลื่นเสียงมากยิ่งขึ้น กรุณานำรถไปที่ศูนย์บริการมาตรฐานฟอร์ด 4S เพื่อซ่อมแซมเมื่อจำเป็น
★คำแนะนำ:
ก่อนใช้ระบบเครื่องเสียงของรถยนต์ กรุณาตรวจดูให้แน่ใจว่าลำโพงที่ประตูทั้งสี่บานไม่มีฟิล์มพลาสติกหุ้มห่อ หรือไม่มีวัตถุแปลกปลอมกีดขวางอยู่
2) เสียงรบกวนสัญญาณจากหลายทิศทาง สิ่งกีดขวางสามารถสะท้อนกลับสัญญาณ FM ทำให้วิทยุรับสัญญาณที่ส่งออกมาและสัญญาณที่สะท้อนกลับพร้อมกัน ผู้ฟังจึงอาจพบสัญญาณล่าช้าหรือได้ยินเสียงขาดหายเป็นช่วง ๆ หรือเสียงที่เพื้ยนไป กรณีดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้สถานีวิทยุ
4) คุณสมบัติของสัญญาณ AM สัญญาณ AM สามารถอ้อมผ่านอาคาร ภูเขา และวัตถุอื่น และกลับมายังพื้นดินจากชั้นบรรยากาศ ดังนั้นสัญญาณ AM สามารถเดินทางได้ไกลกว่าสัญญาณ FM ด้วยเหตุนี้ผู้ฟังอาจได้ยินทั้งสองสัญญาณวิทยุไปพร้อมกันที่ความถี่เดียวกัน
6) เสียงรบกวนจากคลื่นสัญญาณอ่อน เมื่อเดินทางออกนอกเมืองที่ห่างไกลจากสถานีส่งสัญญาณ สัญญาณวิทยุจะอ่อนและผู้ฟังอาจได้ยินเสียงรบกวนและเสียงขาดตอน
1) สัญญาณ FM ถูกรบกวน สัญญาณ FM ทำงานเหมือนแสง คือ สามารถสะท้อนกลับแต่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และไม่สามารถส่งสัญญาณระยะไกลในระดับพื้นดินได้อย่างสัญญาณ AM ดังนั้นระยะในการรับสัญญาณ FM จึงไม่ไกลมากเหมือนสัญญาณ AM และประสิทธิภาพการรับสัญญาณ FM อาจได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
3) เสียงสั่นหรือขาดหายเป็นช่วง ๆ สัญญาณ FM จะส่งออกมาเป็นเส้นตรงและสัญญาณจะอ่อนลงเมื่อเดินทางผ่านหุบเขา อยู่ระหว่างสองอาคาร หรือมีวัตถุกีดขวาง ดังนั้นเมื่อขับรถยนต์ผ่านพื้นที่เหล่านี้ ผู้ฟังอาจได้ยินเสียงรบกวนจากวิทยุ
5) เสียงรบกวนจากคลื่นสัญญาณแรง เมื่อรถยนต์เข้าใกล้เสาส่งสัญญาณ วิทยุจะได้รับผลกระทบจากคลื่นสัญญาณแรงที่อยู่โดยรอบ ผู้ฟังอาจได้ยินเสียงรบกวนและเสียงขาดตอน
7) เสียงวิทยุที่แทรกเข้าแทนเสียงรบกวน เมื่อรถยนต์เข้าใกล้ใจกลางเสาส่งสัญญาณของสองสถานีวิทยุที่มีความถี่ใกล้เคียงกันและมีคลื่นสัญญาณแรง สถานีวิทยุแรกอาจหายไปชั่วคราวและมีสถานีวิทยุที่สองแทรกเข้ามาแทนและผู้ฟังอาจได้ยินเสียงรบกวนบ้างในเวลานี้
1)1 แผ่นมีขนาดเล็ก รูปทรงไม่ปกติ แผ่นดิสก์ที่มีปลายแหลมคม
แผ่นดิสก์ขนาด 3" (8 ซม.)
สามเหลี่ยม
สี่เหลี่ยม
ลูกศร
เป็นต้น
2 แผ่นดิสก์หนา
ติดฉลาก
ฉลากแบบพิมพ์
การป้องกันรูภายใน
การป้องกันรูภายนอก
3 แผ่นดิสก์เสียหาย
บิ่น
4 แผ่นดิสก์คุณภาพต่ำ
ขอบแผ่นขรุขระ
หมายเหตุ:
โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไม่รองรับบลูทูธจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบได้ ฟังก์ชันโทรศัพท์ในรถยนต์อาจถูกจำกัดด้วยตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่เองทำให้ไม่สามารถโทรศัพท์ผ่านระบบการทำงานที่แตกต่างออกไปได้
โทรศัพท์รุ่นต่อไปนี้ได้รับการทดสอบแล้วว่าสามารถใช้งานร่วมกันได้: Blackberry 8520; BBKi606; HTC G10, G14, 9188; Huawei U8800+; iPhone4S; Motorola Atrix, V3, U6, V360, SLVR L7, E398; Nokia N70, N8, N9, 7610, 8800, 6230i, 6270; Samsung Nexus; Sony Ericsson X10i, K700c, K750c,W800c; Xiaomi M1; ZTE 880
โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีระบบการทำงานเฉพาะตัวและไม่รองรับการทำงานของสมุดโทรศัพท์ เช่น Nokia N8 (Symbian 3), Nokia N9 (MeeGo 1.2 Harmattan), BBKi606 Motorola Atrix (Android OS V2.2) ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่อื่นที่ต้องการซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาแก้ไขจุดบกพร่องโดยเฉพาะ (Software Patch) เพื่อรองรับการทำงานของสมุดโทรศัพท์ เช่น Nokia N70 (Symbian 8) และ Nokia 7610 (Symbian 7) กรุณาติดต่อตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดเพื่อรับ Software Patch ดังกล่าวและนำมาติดตั้ง
การสัมผัสภายนอกรถยนต์จะไม่ทำให้ระบบกันขโมยทำงาน ระบบกันขโมยจะทำงานเมื่อมีการปลดล็อคหรือสตาร์ทรถยนต์ในลักษณะไม่ถูกต้องเท่านั้น
เมื่อรถยนต์ถูกปลดล็อคอย่างไม่ถูกต้อง ระบบกันขโมยจะส่งเสียงสัญญาณกันขโมย (ถ้ามี) เป็นเวลา 28 วินาที และในขณะเดียวกันไฟฉุกเฉินจะกะพริบเป็นเวลา 4 นาที 45 วินาที
เมื่อมีการสตาร์ทรถยนต์อย่างไม่ถูกต้อง ไฟเตือนการโจรกรรมบนแผงหน้าปัดจะกะพริบอย่างผิดปกติ และจะไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้อีกจนกว่าสัญญาณจากกุญแจที่ถูกต้องจะปรากฏ
เป็นเรื่องของการออกแบบเพื่อความปลอดภัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้โดยสารจะสามารถเปิดประตูจากภายในได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
หากมีเด็กนั่งอยู่เบาะหลัง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งตัวล็อคกันเด็กเปิดประตูแล้ว เพื่อป้องกันกรณีเด็กเปิดประตูแล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่
สามารถเปิดประตูหลังได้ด้วยมือจับด้านนอกเท่านั้นเมื่อตั้งตัวล็อคกันเด็กเปิด
ฟอร์ดมีฟังก์ชันประหยัดแบตเตอรีในระบบไฟฟ้ารุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักที่การประหยัดการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ และทำให้ผู้ขับมองเห็นสิ่งต่าง ๆ บนแผงหน้าปัดและวันที่และเวลาบนระบบเครื่องเสียง
แหล่งจ่ายไฟฟ้าในช่องเสียบที่จุดบุหรี่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการจุดบุหรี่ในรถยนต์ดั้งเดิม ถ้าใช้ช่องนี้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น การจ่ายไฟอาจทำให้เกิดความร้อนมากเกินไปและนำไปสู่การระเบิดและวงจรไฟฟ้าเสียหาย
ช่องเสียบที่จุดบุหรี่นี้มีสะเก็ดเหล็กชนิดพิเศษอยู่ภายใน ถ้าใช้ช่องเสียบนี้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ สะเก็ดเหล็กนี้อาจได้รับความเสียหาย และไม่สามารถจะดันตัวออกมาได้เมื่อที่จุดบุหรี่มีอุณหภูมิถึงระดับที่กำหนด และนำไปสู่การลุกไหม้และความขัดข้องอื่น ๆ
"ระยะการขับขี่" ที่แสดงอยู่กลางแผงหน้าปัด (การคำนวณการเดินทาง) หมายถึงระยะทางที่รถยนต์สามารถเดินทางได้ก่อนการเติมน้ำมันครั้งต่อไป แต่ตัวเลขนี้จะเป็นผลโดยตรงจากวิธีการขับขี่และสภาวะแวดล้อมของการขับ (สภาพถนน)
ดังนั้นในบางครั้งตัวเลขที่แสดงอาจแตกต่างจากตัวเลขจริงไปอย่างมาก เป็นเพราะระยะการขับขี่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่และการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะแตกต่างไปตามสภาพและวิธีการขับขี่ที่แตกต่างกัน
การคำนวณระยะการขับขี่จึงได้รับผลตามนั้น ดังนั้น ระยะการขับขี่ที่แตกต่างจากตัวเลขจริงจึงเป็นเรื่องปกติ โดยทั่วไป ยิ่งพฤติกรรมการขับขี่และสภาพถนนไม่เปลี่ยนแปลงมากเท่าใด ความถูกต้องของข้อมูล เช่น ระยะการขับขี่และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ปรากฏจะยิ่งถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น
ในกรณีดังกล่าวแสดงว่าพวงมาลัยล็อค ให้หมุนพวงมาลัยและบิดกุญแจไปพร้อมกันเพื่อแก้ปัญหา
อาจเกิดจากการรบกวนของสัญญาณรอบข้าง แนะนำให้ลองใหม่อีกครั้งภายในระยะห่าง 10 ม. จากตัวรถ หรืออาจเกิดจากแบตเตอรี่รีโมทคอนโทรลใกล้หมด แนะนำให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
เปิดกุญแจรีโมทคอนโทรลทันที และทำให้แห้งด้วยเครื่องเป่าผม จากนั้นคุณจะสามารถใช้งานได้อีกครั้ง
อาจเป็นเพราะยูเอสบีไดรฟ์ของคุณมีเอกสารหรือข้อมูลมากเกินไป หรือไม่รองรับรูปแบบยูเอสบีไดรฟ์และไฟล์มัลติมีเดียของคุณ กรุณาอ้างอิงคำแนะนำเกี่ยวกับระบบเครื่องเสียงในรถยนต์ของคุณ ขอแนะนำให้คุณมียูเอสบีไดรฟ์สำหรับใช้กับรถยนต์ของคุณโดยเฉพาะ
อุปกรณ์ไม่กันน้ำ
ควรป้องกันน้ำเข้าอุปกรณ์สวิตช์เมื่อคุณติดฟิล์มรถยนต์
น้ำอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าบางชิ้นของสวิตช์หน้าต่างไฟฟ้าและสวิตช์ควบคุมกระจกมองข้างเสียหาย และทำให้ทำงานผิดปกติในที่สุด
หมายเหตุ:
1) อย่าลืมปิดหน้าต่างรถยนต์ในวันที่มีฝนตกเผื่อเม็ดฝนจะทำให้อุปกรณ์สวิตช์เปียกและเสียหาย
2) หลังการล้างรถหรือน้ำกระเด็นโดนอุปกรณ์โดยไม่ตั้งใจ คุณต้องทำอุปกรณ์ให้แห้งด้วยผ้าขนหนูในนาทีแรกเผื่อว่าน้ำอาจไหลเข้าไปทำความเสียหายกับอุปกรณ์
3) อย่าลืมบอกพนักงานให้ใส่อุปกรณ์กันน้ำบนสวิตช์เมื่อคุณนำรถไปติดฟิล์ม
หลังการเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ ไอเสียจะถูกระบายออกผ่านทางหม้อพักเก็บเสียง กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่มากแต่อุณหภูมิของไอเสียจะสูงมากทำให้อุณหภูมิของหม้อพักเก็บเสียงเพิ่มขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งปกติ อย่าได้กังวล
หลังการเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ ไอเสียจะถูกระบายออกผ่านทางหม้อพักเก็บเสียง ไอเสียบางส่วนจะควบแน่นภายในหม้อพักเก็บเสียงและไหลออกมาตามขอบและปลายหม้อพัก ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งปกติ อย่าได้กังวล
กุญแจรีโมทคอนโทรลเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กันน้ำได้ไม่มาก โปรดใช้ด้วยความระมัดระวัง และป้องกันไม่ให้โดนฝนและสัมผัสกับของเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ น้ำที่เข้ารีโมทคอนโทรลอาจทำให้การทำงานผิดปกติหรืออาจทำให้เริ่มเกิดความขัดข้องของรถยนต์
Ford Call Center โทร. 1383 หรือ 1-800-225-449 (ต่างจังหวัดโทรฟรี)
Email: fordthai@ford.com
